วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เสรีไทยในอเมริกา

ขบวนการเสรีไทยในอเมริกา


การะเวก ศรีวิจารณ์ ( แครี่ ):เราคนไทยไม่พอใจไม่ว่าชาติใดก็ตามที่เป็นภัยต่อเอกราชของเรา
วีรประวัติ-การะเวก ศรีวิจารณ์ ได้รับพระราชทานยศพันตรีหลังเสียสละชีพเพื่อชาติ ขณะปฏิบัติงานเสรีไทยพร้อมกับสหายศึกอีก2รายคือพันตรีสมพงษ์ ศัลยพงษ์ และพันตรีจำกัด พลางกูร รายนามของทั้ง3ท่านถูกจารึกไว้ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาจนตราบทุกวันนี้
ชาตะ- 7 สิงหาคม 2461มรณะ-11 มิถุนายน 2487 ขณะอายุย่าง 26 ปี หากมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันจะมีอายุ 93 ปี
กำเนิด-เกิดที่บ้านพักราชการหลังที่ว่าการอำเภอบางระจัน สิงห์บุรี บุตรนายกลิ่น นางนวม เป็นน้องชายนายฟุ้ง อดีตอธิบดีกรมศาสนา
การศึกษา-ประถมถึงมัธยมต้น ที่โรงเรียนประจำจังหวัดอ่างทอง
-
มัธยมปลาย โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์
-
โรงเรียนเทฆนิคทหารบกรุ่น2 รุ่นเดียวกันที่มีชีวิตอยู่เป็นนายพล19คน เช่น พล.อ.เฉลิมชัย จารุวัสตร์ พล.อ.ประลอง วีระปรี
-
เดินทางไปเรียนสถาบันMITสหรัฐฯ สำเร็จปริญญาตรีวิศวกรรมโยธาในปี2484 และสำเร็จปริญญาโทวิศวกรรมโยธาที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในปี2485
การปฏิบัติงานเสรีไทย-หลังจากไทยถูกญี่ปุ่นยึดครองในวัน ที่8ธันวาคม2484 ในปีรุ่งขึ้นแครี่เข้าเป็นสมาชิกเสรีไทยในอเมริกา ที่ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัคราชทูตไทยประจำสหรัฐฯเป็นหัวหน้าและก่อตั้งเสรีไทยขึ้น เข้ารับการฝึกอบรมกับหน่วยทหารอเมริกันคือO.S.S.นาน9เดือน

-
เป็นเสนาธิการของเสรีไทยในอเมริกา โดยยกร่างแผนปฏิบัติการสำหรับเสรีไทยสายอเมริการุ่นที่1 ที่จะเดินทางไปสู่สมรภูมิ

-
มีนาคม2486 แครี่ซึ่งอายุย่าง25ปีเดินทางออกจากสหรัฐฯร่วมกับเสรีไทย19นายเพื่อเล็ดลอด สู่มาตุภูมิประเทศไทย ด้วยเรือลิเบอร์ตี้ผ่านคลองปานามาไปมหาสมุทรแปซิฟิก ตัดเข้าตอนใต้ออสเตรเลีย ย้อนขึ้นเหนือผ่านมหาสมุทรอินเดียขึ้นบกที่บอมเบย์ ฐานที่มั่นฝ่ายสัมพันธมิตรในเอเชียช่วงกลางเดือนมิถุนายน2486 ใช้เวลาเดินทางรวม 95 วัน ฝึกเพิ่มเติมกับO.S.S.ที่ชายแดนพม่า

-
สิงหาคม2486 ย้ายไปจุงกิงนครหลวงของจีนคณะชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร และย้ายไปที่คุนหมิง จีนตอนใต้

-
มกราคม2487 ฐานปฏิบัติการO.S.S.จัดตั้งที่ซือเหมาตอนใต้ของยูนนาน ใกล้พรมแดนลาว(ซึ่งตอนนั้นหลายเมืองของลาวเป็นอาณาเขตของไทย)และวางแผนส่ง เสรีไทย10นายเล็ดลอดเข้าประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญคือนำสารจากรัฐบาลสหรัฐฯไปรับรองขบวนการเสรีไทยใน ประเทศว่ากำลังต่อสู้เพื่อเอกราช และไทยจะมีรัฐบาลพลัดถิ่นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นผู้รุกรานยึดครองไทย

-
ปลายเดือนกุมภาพันธ์2487 ร.อ.การะเวก และร.ท.สมพงษ์(ยศขณะนั้น)ออกจากซือเหมาเดินทางไปพำนักที่เมืองลา สิบสองปันนาราวเดือนเศษ จากนั้นได้ผู้นำทางชาวจีนไปเมืองพงสาลี ล่องเรือตามลำน้ำโขงถึงเมืองหลวงพระบาง

-10
มิถุนายน 2487 แล้วข้ามโขงเข้าแดนไทยที่ตำบลบ้านด่าน อำเภอเชียงแมน จังหวัดล้านช้าง(ขณะนั้นเป็นดินแดนของไทยที่ได้คืนจากฝรั่งเศส) มีเป้าหมายจะเดินทางต่อไปที่หนองคาย คนนำทางพาไปพบสารวัตรกำนันในตอนเย็น และกำนันได้ขอยึดปืนไว้ เพราะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงครามให้จับกุมจารชน

-11
มิถุนายน 2487 ตำรวจเชียงแมนจับกุมการะเวกและสมพงษ์ข้อหาจารชนและยึดปืนพกไว้ ตามคำสั่งรัฐบาลต้องส่งทั้งสองไปที่กรุงเทพฯ แต่ตำรวจกลับควบคุมตัวเป็นเชลยลอยเรือไปกลางลำน้ำโขง เมื่อเวลาราว15.40น.ส.ต.ท.สมวงษ์ จันทศร และพลตำรวจถึง มูลพิชัย ได้ยิงปืนใส่ทั้งสอง และผู้นำทาง ร.อ.การะเวกกับผู้นำทางเสียชีวิตทันที ส่วนร.ท.ยังไม่ตายร้องขึ้นว่า"ผมเป็นคนไทยแท้ๆผมมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ควรยิงผมเลย"
แต่ตำรวจทั้งสองไม่ปรานีมุ่งค้นสมบัติที่เสรีไทยทั้งสองนำติดตัวมา และเมื่อได้ทองคำที่ทั้งสองได้รับจากO.S.S.มาใช้ในงานกู้ชาติก็โยนร.ท.สม พงษ์ลงน้ำโขง เมื่อว่ายขึ้นมาก็ใช้ไม้ค้ำคอลงไปในลำน้ำ ขณะที่กำลังว่ายหนีไปอยู่ที่แก่งหินกลางน้ำ พลตำรวจถึงยิงใส่ร.ท.สมพงษ์จมหายไปท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว
เรือลำนั้นกลับมาที่สถานีตำรวจเชียงแมนเวลา17.00น.แล้วอ้างว่าจารชนขัดขืน ต่อสู้แย่งชิงปืนตำรวจจึงถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นยึดปืน,กระสุนปืน,พันธบัตร,ทองคำ,เครื่องรับส่งวิทยุไว้ ศพของ"แครี่"การะเวกกับคนนำทางถูกทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ จนเย็นวันรุ่งขึ้นจึงนำไปขุดฝังไว้หลังสถานี ส่วนศพของสมพงษ์ไม่มีผู้พบเห็นทำให้ญาติยังฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าเขายังไม่ ตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

-
เวลาไล่เลี่ยกันร.อ.โผนเดินทางตามหลังทั้งสองมา2สัปดาห์ และก่อนข้ามโขงได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของทั้งสองและแจ้งข่าวไปยังเสรีไทย สายอเมริกาในอีก1เดือนต่อมา ทำให้เสรีไทยในไทยทราบจึงแต่งตั้งข้าราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจมายัง ชายแดนเพื่อคอยช่วยเหลือเสรีไทยให้เล็ดลอดเข้าประเทศได้สำเร็จ

16
สิงหาคม 2488-ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขวนการเสรีไทยประกาศสันติภาพ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 และไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม และไม่ถูกมหาอำนาจผู้ชนะแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น