วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เสรีไทยในอเมริกา5

แผนที่ปฏิบัติงานของเสรีไทยสายอเมริกาเล็ดลอดเข้าไทย และบริเวณที่2วีรชนเสียสละพลีชีพ

-11
มิถุนายน 2487 ตำรวจเชียงแมนจับกุมการะเวกและสมพงษ์ข้อหาจารชนและยึดปืนพกไว้ ตามคำสั่งรัฐบาลต้องส่งทั้งสองไปที่กรุงเทพฯ แต่ตำรวจกลับควบคุมตัวเป็นเชลยลอยเรือไปกลางลำน้ำโขง เมื่อเวลาราว15.40น.ส.ต.ท.สมวงษ์ จันทศร และพลตำรวจถึง มูลพิชัย ได้ยิงปืนใส่ทั้งสอง และผู้นำทาง ร.อ.การะเวกกับผู้นำทางเสียชีวิตทันที
ส่วนร.ท.สมพงษ์ยังไม่ตายร้องครวญครางอยู่ และเนื่องจากได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการมอบอาวุธปืนให้ตำรวจไปแล้วก็ไม่ คิดว่าจะถูกยิง และคิดว่าไทยด้วยกันควรมีน้ำใจรักชาติปกป้องมาตุภูมิ ร.ท.สมพงษ์จึงพูดขึ้นว่า"ผมเป็นคนไทยแท้ๆผมมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ควรยิงผมเลย"
แต่ตำรวจทั้งสองไม่ปรานีมุ่งค้นสมบัติที่เสรีไทยทั้งสองนำติดตัวมา และเมื่อได้ทองคำที่ทั้งสองได้รับจากO.S.S.มาใช้ในงานกู้ชาติก็โยนร.ท.สม พงษ์ลงน้ำโขงเพื่อให้ตาย แต่ความที่ร่างใหญ่แข็งแรงร.ท.สมพงษ์ได้ว่ายเข้ามาเกาะเรือไว้ พลตำรวจถึงเอาปืนจ้องคนพายเรือสั่งให้เอาไม้พายค้ำไปที่ตัวร.ท.สมพงษ์ให้จม น้ำตาย แต่เขาก็ดิ้นหลุดดำน้ำไปเกาะอยู่ที่แก่งหินกลางน้ำ คนพายเรือถูกสั่งใพยเรือตามไป แล้วพลตำรวจถึงยิงใส่ร.ท.สมพงษ์2-3นัด แล้วร่างของร.ท.สมพงษ์ก็จมหายไปท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว

เรือลำนั้นกลับมาที่สถานีตำรวจเชียงแมนเวลา17.00น.แล้วอ้างว่าจารชนขัดขืน ต่อสู้แย่งชิงปืนตำรวจจึงถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นยึดปืน,กระสุนปืน,พันธบัตร,ทองคำ,เครื่องรับส่งวิทยุไว้ ศพของ"แครี่"การะเวกกับคนนำทางถูกทิ้งไว้หน้าสถานีตำรวจ จนเย็นวันรุ่งขึ้นจึงนำไปขุดฝังไว้หลังสถานี ส่วนศพของสมพงษ์ไม่มีผู้พบเห็นทำให้ญาติยังฝังใจมาจนทุกวันนี้ว่าเขายังไม่ ตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
แม้กระทั่งถึงทุกวันนี้ ญาติตระกูลศัลยพงษ์ทุกคน ยังหวังเต็มเปี่ยมว่า สมพงษ์ น่าจะยังไม่ตาย และอาจมีเหตุผลบางอย่างที่ปรากฏตัวไม่ได้ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุ 93 ปี

-
เวลาไล่เลี่ยกันร.อ.โผนเดินทางตามหลังทั้งสองมา2สัปดาห์ และก่อนข้ามโขงได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของทั้งสองและแจ้งข่าวไปยังเสรีไทย สายอเมริกาในอีก1เดือนต่อมา ทำให้เสรีไทยในไทยทราบจึงแต่งตั้งข้าราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจมายัง ชายแดนเพื่อคอยช่วยเหลือเสรีไทยให้เล็ดลอดเข้าประเทศได้สำเร็จ

16
สิงหาคม 2488-ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการ และหัวหน้าขวนการเสรีไทยประกาศสันติภาพ หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 และไทยไม่ต้องตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม และไม่ถูกมหาอำนาจผู้ชนะแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ-ไทยใต้

-30
ตุลาคม 2488 หลังสงครามยุติลงมีการรื้อฟื้นคดีสังหาร 2 เสรีไทย แต่ 2 ตำรวจมือสังหารโหดหลบหนีข้ามไปฝั่งลาว มีการขุดศพแครี่กลับสู่มาตุภูมิกรุงเทพฯ

-
ค่ำวันที่ 25 กันยายน 2488 ปรีดี พนมยงค์ "รูธ"หัวหน้าขบวนการเสรีไทย กล่าวปราศรัยก่อนสลายขบวนการเสรีไทยตอนหนึ่งว่า
"ขอให้ท่านได้สำนึกถึงวีรกรรมของเพื่อนร่วมตาย ซึ่งต้องเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือนายจำกัด พลางกูร ,นายการะเวก ศรีวิจารณ์ และนายสมพงศ์ ศัลยพงศ์ ชีวิตเขาสิ้นไปเพื่อได้มาซึ่งเอกราช และความคงอยู่ของชาติไทย ซึ่งชาวไทยไม่ควรลืม"


10
กุมภาพันธ์ 2497-รัฐบาลสหรัฐฯมอบเหรียญ"เมดัล ออฟ ฟรีดอม"ให้แก่เสรีไทยผู้เสียสละชีวิตทั้งสอง ถ้อยความตอนหนึ่งว่า
"วีรกรรม และการเสียสละอันใหญ่หลวงเป็นพิเศษของร้อยโทสมพงษ์นั้นย่อมปรากฎเป็น เกียรติคุณความดียิ่งแก่ตนเอง แก่ประเทศ และแก่สหรัฐอเมริกาด้วย"

เจือ ศัลยพงษ์ ผู้พี่ชายรับเหรียญกล้าหาญ"เมดัลออฟฟรีดอม"จากทูตวิลเลียม โดโนแวน 10 ปีหลังการเสียสละชีพเพื่อชาติของสมพงษ์
ท่วงท่าบุคคลิกของสมพงษ์-ร้อยเอกนิคอล สมิธ นายทหารอเมริกัน พี่เลี้ยงเสรีไทยชุดแรกที่ลักลอบเข้าปฏิบัติภารกิจลับในประเทศ บันทึกถึงเขาว่า "แซลมีน้ำหนักเกินกว่า70ก.ก.(160ปอนด์)ร่างใหญ่สมบูรณ์ด้วยกล้ามเนื้อ ใจเร็ว และฉุนเฉียวประเภทไม่กลัวใครหรือสิ่งใดทั้งนั้น ก่อนมาปฏิบัติงานเสรีไทยเขาเป็นนักเรียนแพทย์ที่สอบชิงทุนมาศึกษาวิชา เภสัชกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฟิลาเดเฟีย
ส่วนกำนันที่แจ้งตำรวจมาจับเสรีไทยทั้งสองพูดถึงสมพงษ์ว่า"พูดคล้ายกับคนลาว แต่พูดลาวไม่ชัด หน้าตาก็เหมือนคนไทย"
ความเป็นคนรูปร่างใหญ่น้ำหนักเกิน70ก.ก.ฉุนเฉียวไม่กลัวใครทั้ง สิ้น เขาจึงถูกจับคู่กับการะเวก ศรีวิจารณ์(แครี่)ซึ่งร่างเล็กหนักเพียง 55 ก.ก.เล็ดลอดเข้าประเทศไทย แต่ทั้งสองต้องเสียสละชีพเพื่อชาติในคราวนั้น

********
16
สิงหาคม2554-ครบ 66 ปีวันสันติภาพไทย-รำลึกวันสันติภาพ ไทยพ้นสถานะประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการและหัวหน้าขบวนการเสรีไทยขณะประกาศแถลงสันติภาพ
รำลึกถึงเหตุการณ์วันที่ 16 สิงหาคม 2488 นายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการในขณะนั้น และเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยได้ออกประกาศสันติภาพ สาระสำคัญคือประกาศว่า การประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษของรัฐบาลจอมพลป.พิบูลสงคราม เป็นโมฆะไม่ผูกพันกับประชาชนชาวไทย ที่ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยต่อต้านญี่ปุ่น และให้สถานะของประเทศกลับไปมีไมตรีอันดีกับ2ประเทศมหาอำนาจเหมือนก่อนประกาศ สงคราม และพร้อมจะร่วมมือทุกวิถีทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้
ด้วยคำประกาศสันติภาพดังกล่าว ทำให้ไทยไม่ต้องผูกพันกับญี่ปุ่นและรอดพ้นการตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม มีเอกราชโดยสมบูรณ์ สมควรที่ชาวไทยผู้รักชาติจะได้หวนรำลึกถึงบุญคุณของบรรพชนในคราวนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น